ทำใงดี ลูกร้องไห้เมื่อไป รร

โปรดติดต่อลงโฆษณา
เพื่อร่วมสนับสนุนแพลตฟอร์มฟรีของเราต่อไป
Top Leaderboard
Fixed 1,900 baht/month
Slot 550 baht/month

ทำใงดี ลูกร้องไห้เมื่อไป รร

ติดต่อลงโฆษณา
Leaderboard in Content 1st
Fixed 1,000 baht/month
Slot 300 baht/month

ทำไงดี ลูกร้องไห้ เมื่อไป รร ฉบับประสบการณ์ตรง

อันข้างล่างๆ เป็นข้อมูลจากที่ไปอ่านเขา เรื่องจากตอนนี้ฉันเองก็เปลี่ยนสถานะจากคุณแม่โฮมสกูลอยู่ที่บ้านมาเป็นแบบ แม่ที่ส่งลูกไป รร แต่ก็ยังเป็น รร เล็กๆ กึ่งโฮมสกูล เรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาแรก

ช่วงนี้ก็มีพ่อแม่เอาลุกมาลองเรียน แล้วลูกชอบ แต่พอผ่านไปไม่กี่วันก็ร้องไห้ไม่อยากไป รร
คิดว่าเบื้องต้น พ่อแม่ควรเตรียมตัวเองก่อน

1 สำรวจ รร ที่เลือกให้ลูกว่า บรรยากาศที่ รร เป็นอยู่นั้น เรารับได้ไม๊ เป็น รร ที่ใกล้เคียงความต้องการของเราที่สุดหรือป่าว แต่ก็ต้องทำใจว่า ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ มองในเรื่องหลักๆ เช่น ไม่เครียด มีเวลาพัก เล่น ให้สนุกสนานตามวัย

2 พาลูกไปเที่ยว ไปสัมผัส คุ้นเคยกับบรรยากาศ เพื่อน ครู พี่เลี้ยง ห้องเรียน ก่อน รร เปิด ถ้าเป็นไปได้ ลองคุยกับทาง รร ดู แล้วค่อยๆตีตัวห่างจากลูก

หากลูกร้องไห้
พ่อแม่ถามตัวเองว่าจะให้อยู่ที่นี่ต่อ หรือมีทางเลือกอื่นไหมหากเกิดยอมรับกับปัญหาไม่ได้ แต่ทางที่ดีควรคุยกับ รร ก่อน เพราะทุกที่ก็มีปัญหา ฉะนั้น ควรเลือก รร ที่เปิดกว้าง รับฟังพ่อแม่ด้วย

หากเลือกแล้วว่าเป็น รร ที่โอที่สุดในชุมชน ตามบริบทของครอบครัว และลูกก็แฮปปี้ในตอนที่เราไม่อยู่ หรือตอนอื่นๆ ก็ควรจะมั่นคง ไม่หวั่นไหวไปตามลูก รู้เท่าทันอารมณ์ตัวเองและลูก ในกรณีหลังนี้เจอว่า เด็กๆแม้จะมา รร ไปสักระยะหนึ่ง ก็อาจงอแงที่ต้องตื่นเช้า แต่ตอนเลิกเรียน ไม่อยากกลับ ก็ต้องแก้ปัญหาการนอน หรือเรื่องการกินไม่มีใครป้อน ก็ต้องหาวิธีให้ลูกช่วยตัวเองให้มากที่สุด

การร้องไห้ เป็นการแสดงออกที่มีสาเหตุจาก ความเศร้า กลัว หรือ เครียด ไม่มั่นใจ เราเองต้องเสริมลุกให้เขามั่นใจในที่กลัว อาจให้ลูกเล่นเป็นคุณครู แม่เป็น นร ที่กลัว ร้องไห้ ลูกจะทำอย่างไกับเด็กคนนั้น หรือคุณพ่อแม่ คาดหวังอะไร เด้กรู้สึกได้ พ่อแม่ก็ต้องกลับไปสำรวจตัวเองว่าเครียด กลัวเรื่องอะไร

เมื่อส่งลูกที่ รร หากลูกร้องไห้ ลองปล่อยให้คนอื่นรับมือดู ลองเช็คกลับไปที่ รร หลังจากนั้นสักพัก ว่ายังร้องเยอะไหม ปล่อยให้ รร ได้รับมือกับลูกก่อน ต่อไปลูกจะเรียนรู้ว่า นอกจากพ่อแม่แล้ว เขายังมีเพื่อนๆ และครู คนอื่นๆที่เขาก็วางใจได้

ความไม่ได้ดังใจ ความกดดันเล็กๆ ที่พ่อแม่ก็เห็นแล้วว่าไม่ได้สร้างความเครียดกะลูกมาก เช่น คุณครูที่ดุมาก การเร่งเรียน เขียนอ่านขณะไม่พร้อม หรืออะไรที่แก้ไม่ได้เลย พ่อแม่ก็ควรจะปล่อยให้ลูกได้เรียนรู้ในสถานการณ์เหล่านี้บ้าง เป็นกำแพงเล็กๆ ที่เขาได้ฝึกทักษะการปรับตัว มีกำลังใจจากเราและคุณครู หลายๆกรณีที่เด็กร้องไห้ในระยะต้น เพราะเขาเคยอยู่กับพ่อแม่ตลอดเวลา แต่เมื่อผ่านไป กลับปรับตัวได้ดี กล้าแสดงออก และไม่อยากขาดเรียน

เน้นย้ำว่า พ่อแม่ต้องตั้งคำถามกะตัวเองก่อนว่า

รร ที่เลือกนี้เหมาะสมกับลูกแลเราหรือป่าว
ถ้าไม่อยู่ที่นี่ จะไปอยู่ที่ไหน และ ที่อื่นจะมีปัญหาหรือไม่[พิมพ์เนื้อหาเพิ่มเติมตรงส่วนนี้]