ใครว่าเด็กบ้านเรียนไม่มีวินัย...
เด็กบ้านเรียนคงจะไม่มีหรอก เจ้าวินัยนี่ 
เพราะเราโรงเรียนของเราอยู่ที่บ้าน อยู่ในโลกกว้าง 
ไม่จำเป็นต้องมีกฎของโรงเรียนที่ต้องปฏิบัติตาม 
ไม่จำเป็นต้องตัดผมสั้นเท่าติ่งหู 
ไม่ต้องไปยืนหน้าเสาธงตอนแปดโมงเช้า 
ไม่ต้องใส่ชุดนักเรียน 
ไม่ต้องเข้าเรียนตอนเก้าโมงเช้า-แล้วเลิกตอนสี่โมงเย็น 
ใช่ เด็กบ้านเรียนไม่มีวินัยเลยแม้แต่ข้อเดียว จะพูดอย่างนั้นก็ได้ แต่มาคิดดูอีกทีมันก็ไม่ใช่... เคยมีคนพูดกับฉันว่า “เด็กบ้านเรียนเป็นเด็กที่ไม่มีวินัย” จำไม่ได้แล้วว่าใครเป็นคนพูด (เพราะหลายคน-ฮา)

จะว่าไปฉันว่าอาจจะจริงนะ เทียบเอาจากตัวเอง ฉันว่าฉันก็เป็นเด็กที่ไม่ค่อยมี วินัย เท่าไหร่เลยนะ

  “วินัย” ตามความหมายจากพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานปีพุทธศักราช๒๕๒๕เขียนเอาไว้ว่า “วินัย ระเบียบสำหรับกำกับความประพฤติให้เป็นแบบแผนอันหนึ่งอันเดียวกัน” ถ้าอย่างนั้น....เด็กบ้านเรียนคงจะไม่มีหรอก เจ้าวินัยนี่ เพราะเราโรงเรียนของเราอยู่ที่บ้าน อยู่ในโลกกว้าง
ไม่จำเป็นต้องมีกฎของโรงเรียนที่ต้องปฏิบัติตาม
ไม่จำเป็นต้องตัดผมสั้นเท่าติ่งหู
ไม่ต้องไปยืนหน้าเสาธงตอนแปดโมงเช้า
ไม่ต้องใส่ชุดนักเรียน
ไม่ต้องเข้าเรียนตอนเก้าโมงเช้า-แล้วเลิกตอนสี่โมงเย็น
ใช่ เด็กบ้านเรียนไม่มีวินัยเลยแม้แต่ข้อเดียว จะพูดอย่างนั้นก็ได้ แต่มาคิดดูอีกทีมันก็ไม่ใช่...

จากประสบการณ์การเรียนรู้กว่าสิบปีที่ฉันมีในบ้านเรียน

บ้านเรียน นั้นไม่ได้แปลว่าเราต้องเรียนอยู่ในบ้านเท่านั้น
ใครที่เข้าใจอย่างนี้โปรดปรับความเข้าใจเสียใหม่
เพราะบ้านเรียนคือการเรียนรู้ตลอดเวลา ไม่มีจำกัดชั่วโมงเรียน
หรือจะพูดเท่ๆว่า “ทุกวินาทีคือการเรียนรู้” อย่างนั้นก็ได้


มีพ่อแม่เป็นที่ปรึกษา มีบ้านเป็นห้องเรียน แต่มีโลกกว้างเป็นครู
สิ่งนี้จึงทำให้เด็กบ้านเรียนแตกต่างจากเด็กในระบบคนอื่นๆ
ไม่ได้จะบอกว่าดีกว่า แต่มันเป็นอะไรที่แตกต่าง ไม่เหมือนชาวบ้านเขา เท่านั้นเอง
วินัยของเด็กบ้านเรียน ฉันว่ามันก็มีเหมือนกันนะ เป็นวินัยที่ไม่เหมือนใคร
วินัยของแต่ละคนจะมีไม่เหมือนกัน จะแตกต่างกันไปตามวิถีชีวิตของครอบครัวแต่ละคน

ยกตัวอย่างน้องของฉัน “อังคาร” เป็นเด็กที่หาคำว่าวินัยในสารบบได้ยากมาก!
เขาอายุสิบขวบ ใช้ชีวิตแบบมีความสุขที่สุดเท่าที่เด็กสิบขวบคนหนึ่งจะมีได้
อังคารจะตื่นกี่โมงก็ได้ แต่แม่ก็จะปลุกอยู่นั่นแหละ ตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า แต่ถ้าเกินแปดโมงครึ่งถึงเก้าโมง
ถึงเวลากินข้าว แม่ทนไม่ไหว ก็ต้องไปลากน้องลงมาจากเตียง เรียกว่าเป็นคนที่ตื่นสายมากๆ
ในสังคม ไม่รู้ว่าเขาเรียกคนที่ตื่นเก้าโมงเช้าว่าอะไร “ไม่มีวินัย” หรือเปล่า?
หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จ อังคารก็จะรู้ว่าตัวเองมีหน้าที่ต้องทำอะไร (แม้จะต้องเตือนให้ทำบ้างเป็นบางคราวก็ตาม)
อังคารจะต้องช่วยแม่กับพี่สาวเก็บข้าวของบนโต๊ะกินข้าว
ล้างจานข้าวของตัวเอง จากนั้นก็เอาข้าวให้หมาทั้ง ๗ ตัวกิน
สำหรับอังคารไม่มีวิชาเรียนที่แน่นอน บางวันอังคารต้องเรียนเลขกับแม่ หรือเรียนวิทยาศาสตร์กับพ่อ
แต่ส่วนใหญ่อังคารจะเล่นกับหมาๆ ลูกสมุนของเขามากกว่า
พอถึงช่วงบ่ายสาม อังคารต้องต้มข้าว เพื่อเตรียมข้าวให้หมากับเป็ดและไก่ที่เราเลี้ยงไว้
อังคารรู้ว่าถ้าไม่ทำ หมาจะไม่มีข้าวกิน สัตว์ทุกตัวจะเดือดร้อน


ทั้งวันของอังคาร หลักๆก็มีอยู่เท่านี้ ส่วนเวลาอื่นๆนอกจากนั้น
อังคารจะ 

เล่น

เล่น

เล่น

แล้วก็เล่นอย่างเดียว
(อาจจะช่วยงานบ้านบ้าง แล้วแต่จะมีใครเรียกให้ช่วย)

ในสายตาใครหลายๆคนอาจจะเห็นอังคารเป็นเด็กขาดวินัยคนหนึ่งก็ได้
แต่จากมุมมองที่ฉันเห็นน้องสาว เวลาที่เขาออกไปนอกบ้าน อังคารเป็นเด็กที่อารมณ์ดีคนหนึ่ง
อังคารมีสัมมาคารวะมากๆ เวลาที่พ่อพาน้องไปวัด หรือไปที่ไหนๆ
เมื่อมีผู้ใหญ่ให้ของ อังคารจะรับของแล้วไหว้พร้อมพูดว่า”ขอบคุณค่ะ” เสมอ
ผู้ใหญ่ขอให้ช่วยอังคารก็จะทำ

แต่ก็เหมือนเด็กๆทั่วไป อังคารชอบเล่น เขาจะเป็นคนที่เล่นเก่งกว่าคนอื่นๆ
เขาเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ อารมณ์ดี เข้ากับคนง่าย


ที่บรรยายเรื่องของ “อังคาร”มาทั้งหมดนี้ เพื่อให้เห็นชัดว่าเด็กบ้านเรียนเป็นอย่างไร
ความจริงก็คือ เด็กบ้านเรียนมันก็เด็กธรรมดาๆ
หน้าตาบ้านๆบ้าง สวยบ้าง หล่อบ้าง ก็เหมือนกับคนอื่นๆทั่วไปนั่นแหละ
แต่เพราะเราเติบโตมาคนละแบบกับในระบบ เลยมีความคิดที่แตกต่างในบางเรื่อง

ฉันมองว่าวินัยของเด็กบ้านเรียนก็คือ กฎของการเป็นสมาชิกที่ดีของสังคม
นั่นหมายความว่าเราเป็นคนๆหนึ่งที่จะอยู่ในสังคมได้อย่างมนุษย์คนหนึ่ง ไม่ใช่เป็นแค่เด็ก

ดังนั้นเราต้องคิดเองได้ เราต้องประมวลเป็นว่าควรจะทำหรือไม่ทำอะไร
ตอนไหน ที่ไหน เมื่อไหร่ และอย่างไร


เนื่องจากมันไม่มีกฎบัญญัติเอาไว้ในทุกที่ว่าต้องทำอะไรบ้าง ในสังคม
คุณจะตัดผมทรงไหนก็ได้ แล้วแต่คุณ จะแต่งตัวอย่างไรก็ได้ จะกินอะไร
จะทำอะไรสังคมไม่สามารถมาลงโทษเราได้อยู่แล้ว
แต่เราก็ต้องรู้จักคำว่าพอดี
เลือกชุดให้เป็น เลือกทรงผมให้เหมาะกับกาลเทศะ
เลือกคำพูดให้เหมาะกับคนพูดและสถานที่
เหล่านี้ล้วนขึ้นอยู่กับเราเองเท่านั้น ไม่มีใครมากำหนดได้


แม่เคยสอนฉันว่า เมื่ออยากจะทำอะไร ก็ทำไปเถอะ
เพราะบางอย่างเราก็สามารถทำได้แค่ในบางช่วงชีวิตเท่านั้น
แต่ก่อนจะทำ ให้เราถามตัวเองเสียก่อน...ว่าเมื่อทำไปแล้ว เราจะเสียใจภายหลังหรือไม่
และสิ่งที่เราจะทำ มันทำให้ใครคนอื่นหรือแม้แต่ตัวของเราเองต้องเดือดร้อนหรือไม่
กว่าล้านครั้งที่ฉันทำผิดพลาด  แต่ทุกครั้งจะมีพ่อกับแม่คอยช่วยเหลือ แนะนำ ตักเตือน 
การใช้ชีวิตแบบนี้ทำให้ฉันได้รู้ว่าตัวเรานั้นแวดล้อมไปด้วยคนดีๆมากมายแค่ไหน 
และทำให้ฉันรู้ว่าตัวเองมีสิทธิ์ที่จะทำอะไรได้บ้าง 
เข้าใจในทุกๆอย่างที่ตัวเองกำลังทำ ว่าทำไปเพื่ออะไร 
และทำแล้วผลลัพท์จะออกมาเป็นอย่างไร
 
 

ถ้าจะพูดกันด้วยศัพท์วัยรุ่น คำที่จะใช้อธิบาย “life style” ของเด็กบ้านเรียนได้
ก็คงจะมีแต่คำว่า
“อินดี้” เท่านั้นที่ใช้ได้
เด็กบ้านเรียนมันอินดี้
ไม่ค่อยคิดเหมือนใคร
ชอบทำอะไรที่แตกต่าง
ไม่ปกติ


ก็ไม่รู้สิ ไม่รู้ว่าผิดหรือเปล่าที่ไม่มีวินัย
รู้แต่ว่ามีความสุขดี กับการเรียนรู้แบบนี้
มีความสุขดี ที่ได้เป็นเด็กอินดี้ของสังคม
มีความสุขดีกับชีวิต



โดย....วันจันทร์
ใจแจ่ม วรรณพัฒน์
บ้านเรียนสวนป่าสุขใจ

by Worawas on Jul 30, 2013

Posted in ไม่มีหมวดหมู่

ติดต่อลงโฆษณา
Medium Rectangle Sidebar 1st
Fixed 1,000 baht/month
Slot 300 baht/month

ป้ายคำค้น

ในหมวดเดียวกัน
ป้ายคำค้นเดียวกัน

โปรเจ็กต์ของผู้แต่ง