ในสมัยนี้การซื้อขายออนไลน์เป็นที่นิยมอย่างมาก แต่ปัญหาที่ใครๆหลายคนจะต้องพบนั้นก็คือเวลาและสถานที่ในการรับพัสดุ
เพราะอย่างนั้นจึงได้มีคนนำมาเป็นโจทย์และพยายามแก้ไขปัญหานี้จนได้กลายมาเป็นธุรกิจที่กำลังมาแรง
การซื้อขายของออนไลน์เป็นที่นิยมอย่างมากเพราะเพียงแค่ใช้ปลายนิ้วเราก็สามารถซื้อขายได้ไม่ว่าจะที่ไหนเมื่อไหร่
แต่ปัญหาอย่างนึงก็คือเมื่อคุณต้องกรอกที่อยู่สำหรับส่งพัสดุว่าจะเป็นที่ไหนดี ที่บ้านในวันธรรมดาก็ไม่มีคนอยู่(แต่ปัญหานี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับที่บ้านเรา) แถมบางครั้งก็โยนของไว้ในบ้านเลยทั้งๆที่ไม่มีคนรับที ต่อให้เลือกที่คอนโดฯตู้จดหมายก็เล็กมากเกินกว่าจะยัดเข้าไปได้ จะให้ส่งไว้ที่ส่วนกลางก็ไม่กล้าเพราะกลัวของหาย จะเลือกที่ทำงานก็ไม่ดี เพราะอาจไม่สะดวกออกมารับ
และนี่จึงเป็นที่มาของ Smart Parcel Locker โดยรูปร่างหน้าตาของมันก็เหมือน locker ทั่วๆไปนี่แหละ แต่วัสดุในการทำมันขึ้นมาแข็งแรงทนทานกว่า และมีระบบรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนากว่า locker ทั่วๆไป ช่องใส่นั้นจะมีขนาดที่ต่างกันไปเพื่อรองรับพัสดุหลายๆขนาดที่ใส่ได้ตั้งแต่ซองเอกสาร ไปจนถึงพัสดุชิ้นใหญ่ๆ
ไม่เพียงแค่นั้นแต่เจ้าสิ่งนี้ก็ยังมีหน้า digital แบบสัมผัสติดตั้งอยู่ที่ตู้คล้ายๆกับตู้ ATM ทางด้านซ้ายและขวาของตู้เพื่อใช้ในการยืนยันตัวตนเพื่อรับพัสดุนั่นเอง
และเจ้าตู้นี้ก็หาเจอได้ไม่ยากเพราะมีอยู่ตามสถานที่ต่างๆที่มีคนผ่านเยอะเช่นตามใต้คอนโดฯ, อพาร์ตเมนต์, อาคารสำนักงาน, ร้านสะดวกซื้อ, ห้าง, ซูเปอร์มาร์เกต, มหาวิทยาลัย ไม่เว้นแม้แต่ปั๊มน้ำมัน
ที่สำคัญก็คือแต่ละตู้จะมีรหัส/ชื่อที่สามารถระบุตำแหน่งตู้นั้นได้เลย เวลาเราจะกรอกที่อยู่สำหรับส่งของมาเราก็สามารถรอกหมายเลขหรือชื่อตู้ที่เราสะดวกไปรับเป็นที่อยู่ในการรับพัสดุ
และเมื่อไหร่ที่พัสดุมาถึงตู้ก็จะมีแจ้งเตือนและรวมถึงได้รหัสผ่านส่งมาที่เรามาด้วย จากนั้นเราก็ไปยังตู้ที่ได้เลือกไว้>กรอกรหัสผ่าน/แสกน QR Code ตรงหน้าจอ จากนั้นมันก็จะแสดงให้เราได้รู้ว่าพัสดุเรานั้นอยู่ในช่องไหน ถ้ารู้แล้วก็ไปเปิดหยิบของจากช่องนั้นได้เลย ถ้าหากไม่ไปรับของภายใน 2-3 วันของก็จะถูกส่งกลับไปยังโกดัง
ตู้นี้ก็ยังเปิดให้บริการแบบ 24 ชม.ในทุกวันด้วย! เรื่องความปลอดภัยก็ไม่ต้องเป็นห่วงเลยเพราะรอบๆตู้นี้น่ะมีไฟสว่างไสวแถมยังมีกล้องวงจรปิดด้วย
จะสะดวกเมื่อไหร่ก็ไปรับของเมื่อนั้น บายดีใช่ไหมหล่ะ ข้อจำกัดอย่างเดียวของเจ้าตู้นี้ก็คือน้ำหนนัก หากน้ำหนักเกินก็จะไม่สามารถใช้ได้
นี่ก็ยังไม่ได้ทำประโยชน์แค่กับพวกเราด้วยนะแต่รวมไปถึงพนักงานส่งของด้วย! ลองคิดดูสิว่าถ้าเกิดมีพัสดุสามสิบชิ้นต้องส่ง พนักงานส่งของก็อาจต้องไปส่งถึงสามสิบบ้าน แต่ถ้าหากใช้ตู้นี้แล้วมีพัสดุสักครึ่งนึงต้องมาส่งที่ตู้นี้จุดเดียวแล้วหละก็ หมายความว่าจะลดเวลาที่ต้องไปส่งพัสดุถึงสิบแห่ง และเหลือเพียงครึ่งเดียวที่ต้องส่ง แต่ไอ้ครึ่งนึงที่เหลือนั้นยังอาจมีโอกาสไปอยู่ที่ตู้แบบนี้อีกในอีกจุดนึงทั้งหมดด้วย!
ในเอเชียเองก็เริ่มมีหลายประเทศที่เอาเจ้าตู้นี้มาใช้แล้ว อย่างเช่น สิงคโปร์ อินเดีย จีน หรือเกาหลีใต้
สำหรับในไทยนั้นยังอยู่ในช่วงทดลองอยู่ แต่สักวันจะต้องมีให้ได้ใช้กันแน่