กลุ่มประสบการณ์ด้านคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์
การบวก ลบเลขได้เป็นสิ่งสำคัญ แต่การที่จะทำให้ เด็กรักและชอบคณิตศาสตร์ เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก ดังนั้น การเรียนรู้คณิตศาสต์จากชีวิต ประจำวัน คงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
เซเรนาเรียนคณิตศาสตร์กับพ่อ โดยใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร เรียนการบวก ลบ เลข คูณและหาร ง่าย ๆ ไม่เกินหลักร้อย การชั่งตวงวัด โดยบูรณาการจากการเรียนทำอาหาร นอกจากนั้น ทำแบบฝึกหัดจากเวปไซค์ www.education.com/worksheets  และลงเรียนcoding เล่นบอร์ดเกมอยู่เสมอเพื่อฝึกการคิดวิเคราะห์ ลงเรียนจินตคณิต ที่สถาบันสมาร์ทเบน เชียงราย เพื่อฝึกคิดเลข ส่วนวิทยาศาตร์ เรียนผ่านการทำอาหาร เช่นการผสมส่วนต่าง ๆ และวิทยาศาสตร์ในชีวิตประจำวัน ทดลองทำสไลม์ด้วยส่วนผสมที่แตกต่างกัน การทำไข่ Rubber egg    เซเรนาชอบดู youtube เรื่อง Troom Troom SELECT  แล้วมาลองทำดู ส่วนใหญ่เวลาลองทำอะไรดูแล้วเกิดคำถาม จะชวนพ่อทดลองทำดูใหม่ด้วยกัน ปีหน้าจะลงเรียนคราสวิทยาศาสตร์กับครูสอนวิทยาศาสต์ ..เพราะเรื่องวิทยาศาสตร์คุณแม่ไม่ค่อยถนัดค่ะ .สำหรับการทำบ้านเรียน เรื่องไหนที่เราสอนได้ดีเราจะสอน ส่วนเรื่องไหนที่เราไม่ถนัดเราจะหาครูหรือกูรูด้านนั้นสอนค่ะ
 
ประโยชน์ของการเรียน Coding & board Game
เน่อื งจากพวกเราได้เห็นว่ากระบวนการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยจะใช้ทักษะการเรียนรู้ตา่ ง ๆ ซึ่งในภาพรวมนนั้ เราขอแบ่ง
ประเภทหัวข้อเป็น 6 หัวข้อดังนี้
       1. เรียนรู้ผ่าน “การมอง”
เด็กจะสามารถเรยี นรู้ผ่านการมองเห็นและเข้าใจได้ดจี ากรูปภาพ แผนผัง และอื่น ๆ ท่สี ามารถใช้ในการแสดงหรือการ
อธิบายกรอบความคิดได้ สามารถใช้วิดิโอและแผ่นป้ายสื่อการสอน ตกแต่งห้องด้วยแผ่นป้าย การอ่านจากการ์ด หรือ
ภาพพิมพ์เพ่อื การศึกษา เช่นระบบสุริยะ ความรู้ทั่วไปเช่น การทา อาหาร สิ่งมชี ีวิต เพ่อื ชว่ ยเพมิ่ ทักษะในการเรยี นรู้
ผ่านสายตาได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งข้นึ รวมทงั้ การทัศนศึกษานอกสถานที่เช่น สวนสัตว์ พิพิธพันธ์ โรงละคร หรือ
รายการโทรทัศน์ประเภทสารคดเี พ่อื การศึกษาต่าง ๆ ได้
      2. เรียนรู้ผ่าน “การฟัง”
เด็กจะสามารถเรยี นรู้ผ่านการฟังและพัฒนาทักษะเรื่องโสตประสาทเพ่อื ให้เดก็ กลุ่มน้สี ามารถเรียนรู้ได้ดียิ่งข้นึ เช่น
ฝึกให้เดก็ อ่านออกเสียง การใช้เสียงดนตรี หนังสือเสียง หรือสื่อการสอนต่าง ๆ ที่ส่งเสริมทักษะทางการฟัง ดนตรี หรือ
ภาษาแบบง่ายๆ ได้ดี และยังสามารถเรียนรู้ทักษะด้านอื่นเช่น คณิตศาสตร์หรือวิทยาศาสตร์ได้อกี ด้วยเช่นกัน โดยใช้
สื่อการสอนวีดิโอเป็นบริบทแบบการฟังบรรยาย แตจ่ ะต้องมีความสนุกสนานและไม่น่าเบื่อสา หรับเด็ก สามารถ
ประยุกต์ใช้เสียงท่ฟี ังดูแล้วสนุกสนาน ตื่นเต้น เช่น ใช้รูปแบบเสียงเพลงประกอบตัวการ์ตูน หรือมีสสี ันที่ดึงดูดสายตา
     3. เรียนรู้ผ่าน “ถ้อยคาและภาษา”
สา หรับเรื่องถ้อยคา และภาษาเป็นการเรียนรู้ท่จี ะมีความยืดหยุ่นและรอบด้านสา หรับเด็กเป็นอยา่ งมาก เชื่อมโยงกับ
เรื่องการฟังจะทา ให้เรียนรู้ได้สนุกและน่าสนใจยิ่งข้นึ และหากกระบวนการนี้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จะสามารถ
ทา ให้เด็กชอบทงั้ การอ่าน การฟัง และภาษานนั้ ๆ ไปโดยอัตโนมัติ วิธีน้เี ป็นการเสริมทักษะเรื่องภาษาตา่ ง ๆ ได้เป็น
อย่างดี ดังนนั้ เราควรใช้วิธีอา่ นหนังสือให้ฟัง ได้สัมผัสกับหัวข้อและรูปแบบของสิ่งท่ไี ด้อ่านให้หลากหลาย ทงั้ ตา รา
อาหาร หนังสือนิทาน หนังสือคณิตศาสตร์ เกมปริศนาหาคา ศัพท์หรืออักษร หรือแม้กระทั่งการเล่นเกมกระดานที่มี
การอ่านคา สั่ง เงื่อนไขวิธีเล่น
      4. เรียนรู้ผ่าน “ร่างกาย”
สา หรับเด็กท่ชี ื่นชอบในการเรียนรู้ผ่านการหยิบจับ การสัมผัส การเคลื่อนไหวหรือผ่านกิจกรรมที่เน้นการปฏิบัติจริง ซึ่ง
เด็กจะสามารถเรยี นรู้ทางร่างกายได้ดีมาก โดยในกระบวนการเรยี นรู้อาจจะประกอบไปด้วยกิจกรรมทา โครงงานทาง
วิทยาศาสตร์ การสร้างหรือตอ่ อุปกรณ์หรือของเล่น การเต้นหรือการเคลื่อนไหว การแสดง งานปั้นดินนา้ มัน การพับ
กระดาษ การต่อจิ๊กซอว ์ รวมไปถงึ การสร้างบรรยากาศที่เหมาะสมสา หรับการเรียน เช่นการจัดชุดของอุปกรณ์ศิลปะ
ทา อาหาร หรือทดลองทางวิทยาศาสตร์ หรือสื่อผสมที่มีการตอบโต้ได้ ( Interactive Media )
      5. เรียนรู้ผ่าน “ตรรกะและเหตุผล”
เน่อื งจากบุคลกิ ลักษณะถึงการคดิ ถึงผลลัพธ์ก่อนท่จี ะพูดหรือลงมอื ทา ดังนนั้ เราจงึ ต้องเสริมทักษะให้เดก็ ในเรื่องของ
การคิดอย่างเป็นเหตุและผล สอนให้เค้าคิดอย่างรอบคอบและหากว่าได้ทักษะน้ไี ปแล้ว เด็กจะการเรียนรู้อย่างมี
ประสิทธิภาพและทา ความเข้าใจในเรื่องคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ได้เป็นอย่างดีโดยไม่รู้ตัว และสามารถเข้าใจถึง
วิธีการแก้ปัญหา ซึ่งการเสริมทักษะในเรื่องน้จี ะทา ได้ด้วยกิจกรรมท่เี น้นการพูดคุยกันในเรื่องทั่วไป หรือเรื่องที่ใกล้กับ
ชีวิตประจา วันมากที่สุด โดยจะต้องฟังและร่วมแบ่งปันความคิดเหน็ กันกับเด็ก รวมทงั้ ถามถึงระบบการแก้ปัญหาที่เจอ
ได้อย่างไร อาจจะเป็นในรูปแบบของเกมปริศนา อา่ นหนังสือเรื่องลี้ลับ หรือชมภาพยนตร์ร่วมกันโดยพูดคุยถึงปัญหาที่
เจอกันนนั้ และลองช่วยกันหาทางแก้ปัญหาถ้าหากเราต้องไปอยู่ในภาพยนตร์นนั้ เป็นต้น
         6. เรียนรู้ผ่าน “การพัฒนาบุคลิกภาพ”
นอกเหนือจากรูปแบบการ “เรียนรู้” หรือผสมผสานรูปแบบการเรียน เราอาจจา เป็นต้องพิจารณาถงึ บุคลิกภาพของ
เด็กโดยรวมว่าเป็นอยา่ งไร เช่น เป็นคนชอบสังคม เช่นการทา งานหรือเล่นเป็นกลุ่มหรือวา่ เป็นคนชอบสันโดษคือ ชอบ
เรียนคนเดียวหรือเล่นคนเดียว เม่อื เราทราบแล้วก็จะสามารถเสริมสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ท่เี หมาะสมกับเด็ก แต่
ละคนและจะช่วยให้พวกเค้าสนุกกับการเรยี นรู้มากขึ้น ซึ่งเดก็ บางคนจะมีความสุขเมื่อได้อยู่กับเพ่อื นๆ สามารถทา
หรือได้ยินอะไรหลายๆ อย่างได้ในเวลาเดียวกัน ชอบการร่วมวงสนทนากับผู้อื่น ไม่รู้สึกกลัวและมคี วามกล้าแสดง
ความคิดเห็น หรือ บางคนมีทักษะท่โี ดดเด่นสา หรับบางข้ออยู่แล้วแต่พวกเค้าอาจจะชอบการเรียนรู้ด้วยตัวเองเพราะ
เค้ารู้ตัวว่าชอบหรือไม่ชอบทา อะไร เช่น ชอบเล่นกีฬาเดี่ยวมากกว่าเป็นทีม ไม่ชอบกิจกรรมท่มี ีเสียงดัง ซึ่งเราอาจจะ
ไม่สามารถบังคับให้เดก็ ทา กิจกรรมท่ไี ม่ชอบได้ ดังนนั้ การเสริมทักษะบางอยา่ งสอดแทรกไปในกิจกรรมที่ชอบทา เป็น
ประจา เพ่อื ให้เด็กเกิดความคุ้นเคยและเปิดใจยอมรับมากขึ้นในภายหลังได้
ประโยชน์ในการเล่นบอร์ดเกม
การเล่นบอร์ดเกมส์จงึ สามารถช่วยเสริมทักษะการเรียนรู้ของเดก็ ได้อย่างครบถ้วนตามรายละเอียดดังท่กี ล่าวมาข้างต้น ซึ่ง
บอร์ดเกมแต่ละเกมมคี วามแตกต่างในหลายๆ เรื่องทงั้ เน้อื หา ระบบการเล่น กระบวนการแก้ปัญหา และความสนุกสนาน
รวมไว้อยา่ งครบถ้วน ซึ่งจะแบ่งประโยชน์ต่างๆ เป็นไปตามหัวข้อดังนี้
            1. เนื้อหาที่มีประโยชน์สาหรับเป็นสื่อการเรียนรู้
บอร์ดเกมส์ถูกออกแบบให้มเี น้อื หาท่สี ามารถสอนให้เด็กได้เรียนรู้ ทงั้ ความรู้ทั่วไป ประวัตศิ าสตร์ วิทยาศาสตร์ ความรู้เรื่อง
การบริหารธุรกจิ เป็นต้น โดยจะผสมผสานระบบการเล่นท่สี นุกสนานเพ่อื ทา ให้เรยี นรู้เน้อื หาท่ตี ้องการจะสื่อสารให้กับผู้เล่น
ได้โดยไม่รู้ตัว ยกตัวอย่างเช่น เกม Power Grid ซึ่งตัวเกมสอนเรื่องเกี่ยวกับ อุปสงค์และอุปทานเบ้อื งต้นของเศรษฐศาสตร์
ผ่านเน้อื เรื่องของการบริหารจัดการโรงไฟฟ้าเพ่อื ให้ได้การส่งไฟฟ้ากับบ้านเรือนในจา นวนท่มี ากท่สี ุดตอนจบเกม แตใ่ น
ระหว่างการเล่นจะต้องบริหารทรัพยากรหลายอยา่ ง มีการประมูลและบริหารเงิน หรือเกม Barcelona ท่สี อนในเรื่อง
ประวัติศาสตร์ในช่วงการสร้างเมอื ง Barcelona ในชว่ งท่ยี ังเป็นแคว้นคาตาลันที่กา ลังเป็นยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมโดย 4
ตระกูลใหญ่ท่จี ะต้องเลือกระหวา่ งดูแลผู้อพยพเข้ามาทา งานให้อยู่อย่างมีความสุขแต่เกียรตยิ ศและอา นาจอาจจะมีน้อย
กว่ากลุ่มตระกูลท่ที า เพ่อื อา นาจของตนเองแตต่ ้องแลกกับการประท้วงและก่อการจลาจลของชนชนั้ แรงงานเป็นต้น
              2. ระบบของเกมที่ฝึกพัฒนาสมองและการคิดแก้ปัญหาอย่างเป็นขั้นตอน
เน่อื งจากบอร์ดเกมมีระบบการเลน่ ที่หลากหลาย ซึ่งจะฝึกให้เด็กสามารถเรียงลา ดับความสา คัญของสิ่งท่ตี ้องการจะทา
หรือแก้ปัญหาก่อนหลังหรือวางแผนล่วงหน้าอยา่ งเป็นระบบ เพราะบอร์ดเกมถูกออกแบบให้มกี ารดา เนินเกมหรือเอาชนะ
ได้หลากหลายวิธี ดังนนั้ ผู้เล่นจะสามารถปรับกลยุทธ์ของเกมได้ตามสถานการณ์ท่ไี มซ่ า้ แบบในการเล่นแต่ละครั้งอีกด้วย
           3. การตัดสินใจในสถานการณ์ได้ดีขึ้น
ในขณะที่เล่นบอร์ดเกมส์มักจะมสี ถานการณ์ท่ถี ูกสร้างหรือบังคับให้ต้องตัดสินใจเสมอๆ บางสถานการณ์ก็ถึงขนาดว่าถ้า
ตัดสินใจผิดแล้ว อาจจะแก้ไขยากมากจนถงึ กับอาจจะแพ้ออกจากเกมเลยทีเดียว ดังนนั้ ผู้เล่นกจ็ ะต้องทา การตัดสินใจโดย
ใช้เหตุและผลและชั่งนา้ หนักทางเลือกท่ตี ัวเองมีอยา่ งให้มากท่สี ุดสา หรับการตัดสินใจ
          4. ฝึกการรอคอยในระหว่างที่เล่น
การรอคอยนนั้ เป็นสิ่งท่จี า เป็นต้องใช้ในการเล่นบอร์ดเกมเสมอเม่อื เราจบตาการเล่น หากการรอของผู้เล่นทา แคเ่ พียงนั่งรอ
เฉยๆ อาจจะทา ให้รู้สึกน่าเบื่อกจ็ ริง แต่การเล่นบอร์ดเกมนนั้ สถานการณ์จะเปลี่ยนไปตลอดเวลาไม่มีอะไรแน่นอน ดังนนั้
บอร์ดเกมจะฝึกให้ผู้เล่นทา การรออย่างมีประโยชน์สูงสุด เพราะเกมจะดา เนินไปแบบให้ผู้เล่นจะต้องวางแผนการล่วงหน้า
ไม่ว่าจะในขณะเล่นหรือจบตาตัวเองไปแล้ว ไม่เช่นนั้นหากเรารอแบบเปล่าประโยชน์ หันกลับมาอีกทีเกมอาจจะเปลี่ยนไป
โดยท่เี ราไมค่ าดคิดก็ได้ ทงั้ กระบวนการนี้ยังสามารถฝึกสมาธิให้ผู้เล่นจิตใจจดจ่อกับเกมได้อย่างตอ่ เนื่อง
        5. ฝึกฝนทักษะทางคณิตศาสตร์
เน่อื งจากบอร์ดเกมส์ส่วนใหญ่จะต้องใช้การสะสมคะแนนเพ่อื การเอาชนะ แต่บอร์ดเกมไม่มีตัวชว่ ยในการคา นวนหรือบวก
ลบตัวเลขท่เี กิดข้นึ ระหว่างเล่นเกมได้ ซึ่งในขณะที่เล่นส่วนใหญ่คะแนนจะไม่คงที่ตลอดเวลา ดังนนั้ ทักษะการคา นวณทาง
คณิตศาสตร์เบ้อื งต้นจงึ สามารถฝึกฝนได้ผ่านกระบวนการเล่นบอร์ดเกม
        6. บอร์ดเกมมีความ Primitive
บอร์ดเกมทั่วไปนนั้ ส่วนใหญ่จะมีองค์ประกอบท่มี ีความดั้งเดมิ ( Primitive ) เช่น กระดานท่ที า จากกระดาษแขง็ การ์ด
กระดาษ ตัวหมากเดินทา จากไม้หรือโทเคนคะแนนตา่ ง ๆ ซึ่งชว่ ยส่งเสริมการเรียนรู้ของเดก็ ได้รอบด้าน ทงั้ การมองดู
อุปกรณ์ การฟังกฎข้อบังคับในการเล่น การอา่ นหรือทา ความเข้าใจภาษาท่เี ขยี นอยู่บนการ์ด การหยิบจับสัมผัส
       7. พัฒนาทักษะการสื่อสาร ฝึกการทางานเป็นทีมหรือเจรจาต่อรอง
บอร์ดเกมบางเกมสามารถชว่ ยพัฒนาทักษะการสื่อสารด้วยการต้องวางแผนรับมือกับสถานการณ์ในเกมร่วมกันเพ่อื
เอาชนะเกม หรือการเจรจาต่อรองในการซ้อื ขายของให้ได้ผลกา ไร ไม่ขาดทุน หรือเพ่อื ให้เรารอดพ้นจากสถานการณ์วิกฤต
และเกิดประโยชน์สูงสุดในระหว่างการเล่นเกม ดังนั้นจะเป็นการช่วยให้ผู้เล่นได้ฝึกการพูดสื่อสารอย่างตรงประเด็น ชัดเจน
และเป็นเหตุเป็นผล ให้ประสบความสา เร็จตามที่คาดหวังไว้
       8. มีน้าใจนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ
แต่ละครั้งในในการเล่นบอร์ดเกม ผู้เล่นไม่สามารถท่จี ะหวังเอาชนะผู้เล่นอื่นได้ตลอดเวลา ดังนนั้ บอร์เกมถูกออกแบบมา
เพ่อื ให้ผู้เล่นสามารถตกอยู่ในสถานการณ์ท่เี ป็นได้ทงั้ ผู้แพ้และผู้ชนะอยู่เสมอ แตถ่ ้าหากแพ้ เกมกจ็ ะสอนให้เราได้คิด
ทบทวนการเล่นของเรา หาจุดบกพร่อง หรือเราสามารถเรียนรู้ได้จากการคิดวางแผนที่ผิดพลาดและนา ไปปรับใช้ในการ
เล่นครั้งถัดไป ดังนนั้ ผู้เล่นจะได้เรียนรู้ว่า การแพ้ชนะไม่สา คัญ แตส่ า คัญตรงที่ว่าเราได้เรียนรู้อะไรจากความผิดพลาดและ
นา ไปปรับปรุงแก้ไขได้บ้าง ส่วนผู้ชนะก็จา เป็นต้องพัฒนาระบบการคิดให้มีประสิทธิภาพอยู่เสมอ เพ่อื พร้อมในการเล่นครั้ง
ต่อไป และไม่รู้สึกลา พองใจว่าจะสามารถเป็นผู้ชนะได้ตลอดไปอีกด้วย
         9. เพิ่มพูนทักษะการเข้าสังคม ช่วยลดการใช้สื่อดิจิตอลและโทรศัพท์มือถือ
ทา ให้ลดการตดิ มือถือและการใช้สื่อดิจิตอล มีการพูดคุย มองตา การอ่านภาษากาย เจรจาถกเถียง หัวเราะ นา ไปสู่การ
สร้างทักษะเพ่อื เข้าสังคมและการสื่อสารระหว่างบุคคลได้เป็นอย่างดี
        10. ช่วยกระชับความสัมพันธ์กันในครอบครัวและกลุ่มเพื่อนให้ดียิ่งขึ้น
แม้ว่าบอร์ดเกมจะถูกออกแบบมาเพ่อื เป็นการฝึกกระบวนการคิดและใช้กลยุทธ์เพ่อื การเอาชนะกต็ าม แตเ่ กมจะขาดความ
สนุกไปหากในการเล่นเกมไม่มีเรอื่ งของ “ดวง” เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งแต่ละเกมจะมีการใช้ระบบของดวงมาใช้มากและน้อย
แตกตา่ งกันไป ซึ่งระบบของ “ดวง” เป็นส่วนประกอบสา คัญท่ที า ให้บอร์ดเกมสามารถเล่นร่วมกันได้ทุกเพศและทุกวัย
อย่างเท่าเทียมกัน และทา ให้การเล่นเกมบางเกม ผู้ใหญ่อาจจะแพ้เด็กก็ได้หากวันนนั้ ดวงไม่ดี ซึ่งเปิดโอกาสให้เด็กได้รู้สึก
ผ่อนคลายเวลาเล่น เกิดความสนุกและมีส่วนร่วมไปกับเกมโดยไมต่ ้องกังวลว่าจะเสียเปรียบให้กับผู้ใหญ่ อีกทงั้ ในขณะที่
เล่นผู้ใหญ่ก็สามารถแนะนา วิธีเล่นที่ดี หรือวิธีคิดท่เี หมาะสมเพ่อื แนะแนวทางสา หรับการเล่นให้กับเด็ก เพ่อื ต่อยอด
ความคิดในอนาคตได้อีกด้วย
ประโยชน์ในการเรียน Logical Thinking, Solving Problem และ Basic Coding
ปัจจุบันในชีวิตประจา วันของเราทุกคนจะต้องมคี วามเกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนไมม่ ากก็น้อย และดู
เหมือนวา่ จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตในอนาคตมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยท่กี ารสร้าง Software ตา่ ง ๆ
นนั้ เป็นหน้าที่ของผู้ที่เรยี กตัวเองว่า Programmer หรือ Developer ก็ตาม ซึ่งบ่อยครั้งเราจะได้ยินคา ว่าการ Coding ออก
จากปากของคนทา งานสายน้เี สียเป็นส่วนมาก และทา ให้หลายคนเข้าใจว่าการ Coding หมายถึง การเขียน Software เพ่อื
นา ไปใช้งานกับคอมพวิ เตอร์ โทรศัพท์มือถือ หรือการใช้เพ่อื ควบคุมหุ่นยนต์หรือเครื่องจักรต่าง ๆ เพียงอยา่ งเดียว ซึ่งเป็น
ความเข้าใจที่ถูกแค่บางส่วนเท่านนั้ แต่ไม่ทงั้ หมด เพราะการ Coding นนั้ ไม่ได้จา เป็นเฉพาะกับกลุ่มคน IT , Programmer,
Developer เท่านนั้ แต่ยังจา เป็นกับเราทุกคนเริ่มตั้งแต่วัยเดก็ เลยทีเดียว ดังนนั้ จึงอยากให้เรามาทา ความเข้าใจกันก่อนวา่
การ Coding และ Programming ต่างกันอย่างไร
           Coding หมายถึง การออกแบบชุดคา สั่งอย่างเป็นระบบ เพ่อื สั่งการให้บางสงิ่ บางอย่างสามารถทา งานได้ตาม
จุดประสงค์ท่เี ราได้คาดหวังเอาไว้ ซึ่งคา ว่าบางสิ่งบางอย่างท่วี ่าน้อี าจไม่จา เป็นต้องหมายถึง computer หรืออุปกรณ์
อิเลค็ โทรนคิ เสมอไป แต่สามารถสื่อถึงเรื่องกิจกรรมในชีวิตประจา วันหรือการทา งานต่าง ๆ ท่ตี ้องการให้บรรลุเป้าหมาย
ตามท่เี ราวางแผนเอาไว้ได้
สา หรับ Programming นนั้ จะหมายถึง การกระทา ท่ตี ้องใช้ทักษะและความเข้าใจในการพิมพ์คา สั่งเพ่อื สื่อสาร
ภาษาของคอมพิวเตอร์สา หรับการประมวลผล โดยจะต้องมีความรู้และความเข้าใจคา สั่งในภาษาต่างๆ เช่น C++, Java,
SQL, JQuery, Python เป็นต้น
ดังนนั้ การเรียนรู้เรื่อง Coding จะเป็นการเรียนรู้ตั้งแต่เรื่องพ้นื ฐานของกระบวนการคดิ อยา่ งเป็นหลักการและเหตุผล เพ่อื
นา ไปใช้ในการแก้ปัญหาต่างๆ ในชีวิตประจา วันได้อยา่ งเป็นระบบและเป็นขนั้ ตอน เพ่อื ต่อยอดความรู้สู่การ Coding ใน
ลา ดับถัดไป โดยจะต้องเรียนรู้พ้นื ฐานตา่ งๆ ประกอบดังนี้
         1. กระบวนการคิดด้วยเหตุและผล (Logical Thinking)
         2. แนวคิดเชงิ คา นวณ (Computational Thinking)
a. การแยกส่วนประกอบและการย่อยปัญหา (Decomposition)
b. การหาและจดจา รูปแบบ (Pattern Recognition)
c. การคิดเชิงนามธรรม (Abstraction)
d. การออกแบบขั้นตอนและวิธีการแก้ปัญหา (Algorithm)
หลังจากเรียนรู้ในแนวคิดข้างต้นแล้ว จึงจะสามารถนา มาประยุกต์ใช้ให้เกิดประสิทธิภาพในเรื่องของ Basic Coding ที่
ประกอบไปด้วยหัวข้อหลักอีก 3 หัวข้อดังนี้
• การ Coding แบบตามลา ดับ
• การ Coding แบบทา ซา้
• การ Coding แบบทางเลือก
โดยการเรียนรู้ทงั้ หมดนี้ทางเราจะยึดหลักการเรียนรู้ของปฐมวัยมาเป็นตัวตั้ง กล่าวคือ เดก็ จะเกิดกระบวนการเรียนรู้ผ่าน
การมอง การฟัง ถ้อยคา ภาษา การหยิบจับ รวมถึง ตรรกะและเหตุผล ได้อย่างครบถ้วนผ่านการทา กิจกรรมตา่ ง ๆ ได้เช่น
การเล่นเกม การวาดรูป การเขียนลงในกระดาษ หรือใช้สถานการณ์สมมติเพ่อื ให้เด็กมีสว่ นร่วมในการคิดและแก้ปัญหา
ดงั นนั้ การเรียน Coding ไม่จา เป็นต้องเรียนจาก Computer เสมอไป ก็สามารถทา ให้เกิดประโยชน์กับผู้เรียนได้ แม้ว่าใน
ภายหลังจะไม่ได้นา ความรู้ไปใช้ต่อยอดในสายงาน IT หรือ Programmer ก็ตามแตยั่งจะสามารถนา ไปใช้ในชวี ิตประจา วัน
หรือในการเรียนและทา งานในอนาคตได้เป็นอย่างดี