การผจญภัยของเด็ก HomeSchool ตอนที่ 3 "กลัวลูกผิดหวัง"
ติดต่อลงโฆษณา
Leaderboard in Content 1st
Fixed 1,000 baht/month
Slot 300 baht/month
ช่วงที่ผมต้องอ่านหนังสือเพื่อมาสอนลูกในช่วง 6 เดือนแรก เป็นช่วงที่เหตุการณ์ราบรื่นดี ลูกตั้งใจเรียน ขยันทำแบบฝึกหัด อุปสรรคที่เกิดขึ้นจะเป็นในส่วนของผมเอง ทีแรกวางแผนไว้ว่าจะสอนวิชาคณิตศาสตร์ให้จบรวดเดียวเป็นวิชาแรก แต่เมื่อลองทำดูก็พบปัญหา เพราะลูกไม่สามารถเรียนต่อเนื่องได้ หากไม่ได้ทำแบบฝึกหัด เนื้อหาที่ได้เรียนไปก่อนหน้า เพราะจะไม่คล่องแคล่ว และไม่สามารถเข้าใจในเรื่องใหม่ที่จะเรียนเพิ่มได้
ผมจึงเปลี่ยนแผนมาสอนคู่ขนานไปทีละหลายหลายวิชาเหมือนในโรงเรียน เริ่มสอนฟิสิกส์และเคมีไปพร้อมพร้อมกัน ได้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ
จวบจนเลย 6 เดือนผมทำได้ตามเป้าหมาย สอนจบเกินกว่า 90% ของบทเรียน ภารกิจหลักกลายเป็นของลูกแล้ว ที่เขาจะต้องอ่านหนังสือทบทวนทำข้อสอบย้อนหลัง 10 พ.ศ.
จากที่เคยเห็นลูกกระฉับกระเฉง ขยันเรียนรู้หมกตัวอยู่ในห้อง ทำแบบฝึกหัดและอ่านหนังสือตามลำพัง เริ่มเห็นลูกนั่งแช่ เล่นโทรศัพท์ หมกมุ่นกับโซเชียลมีเดีย ดู YouTube บางครานานถึง 2 ชั่วโมง ผมเริ่มมีอาการหงุดหงิด แต่ก็พยายามเก็บอาการ บางคาเผลอหลุดพูดออกไป เช่น ไม่ไปอ่านหนังสือเหรอ เล่นนานแล้วหรือยัง ฯลฯ จำได้เลาๆ ว่าวันนึงอดรนทนไม่ไหวเลย เลยขอคุยด้วยกับลูก
บรรยากาศการพูดคุยครั้งนั้นไม่ดีเท่าไร ลูกสะท้อนว่า เบื่อ เหนื่อย เริ่มท้อ แต่ไม่เปลี่ยนใจหรอก จะพยายามดูแลตัวเองให้ดีกว่านี้ รู้สึกกดดันเพราะเราไม่เหมือนใคร ไม่มีเพื่อนรู้จักที่จะร่วมสอบพร้อมกัน ไม่มีเพื่อนที่รู้ว่าเขาก็กำลังอ่านหนังสือเหมือนเรา
หลังจากการพูดคุยครั้งนั้น ลูกดูจะดีขึ้นสักระยะ แต่ไม่นานนักก็มีพฤติกรรมคล้ายๆเดิม ผมกลับมาหงุดหงิดอีกจนภรรยาสังเกตเห็น ถามผมว่า
"เธอเป็นอะไร"
"ฉันกลัวลูก ผิดหวัง"
"เธอกลัวลูกผิดหวัง หรือเธอกลัวตัวเธอผิดหวังกันแน่!!!"
เออว่ะ!! ผมกลัวผมผิดหวัง หรือกลัวลูกผิดหวังกันแน่ คิดๆไปน่าจะเป็นอย่างแรกมากกว่า ผมรู้สึกว่าตัวเองได้ทุ่มเทแรงใจแรงกายไปเยอะ และก็เห็นว่าลูกรับเนื้อหาความรู้ได้ โอกาสดีๆ กำลังมาถึงแล้ว แต่ทำไมลูกไม่ทุ่มเทใช้เวลาที่มีอย่างคุ้มค่า
"แล้วจะให้ฉันทำอย่างไร ไม่ต้องโค้ช ไม่ต้องดูแลลูกเลยเหรอ หรือปล่อยไปตามสถานการณ์"
"เธอก็โค้ชลูกเหมือนเดิม แต่ให้เป็นโค้ชชีวิต ไม่ใช่โค้ชการสอบ"
ผมนึกถึงความแตกต่างได้ทันที โค้ชการสอบมีเป้าหมายทำให้ผลการสอบได้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่โค้ชชีวิตมุ่งให้ชีวิตดำเนินไปให้ดีที่สุด แต่โดยการเลือกและการตัดสินใจของเขาเองให้มากที่สุด บทเรียนชีวิตที่เขาออกแบบเอง ออกข้อสอบเอง ลงมือทำเอง จะทำให้เขาเข้มแข็งขึ้น สร้างความยั่งยืนในระยะยาวมากกว่า
หลังจากนั้นผมพยายามดูแลตัวเองให้ดีขึ้น พยายามทำตัวเป็นโค้ชชีวิตของลูก ผมทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว เป็นช่วงที่ลูกต้องลุยอ่านทบทวนเอง ทำแบบฝึกหัดเอง ทำข้อสอบเก่าๆเอง
ดูเหมือนสถานการณ์จะลงตัวได้อีกครั้ง แต่หารู้ไม่เรื่องเศร้าเคล้าน้ำตารออยู่ข้างหน้า!!!